เที่ยวนครพนม พระธาตุประจำวันเกิดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่ศรัทธา



นครพนม ในเมืองนครพนมนี้มี 8 พระธาตุประจำวันเกิดที่รวบรวมเอาไว้ครบจบในที่เดียว แล้วยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่ศรัทธาของชาวนครพนมเป็นอย่างยิ่งอีกหลายแห่ง เมืองเล็กริมฝั่งโขง ทางภาคอีสาน  ที่ใครๆ ก็ต่างพูดว่าเป็น จังหวัดที่มีความสุขที่สุดในประเทศไทย อาจเพราะบรรยากาศของเมืองที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ผู้คนน่ารักยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนสมัยก่อน วัฒนธรรมก็หลากหลายและสวยงาม อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจหลายแห่ง ทั้งวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ คาเฟ่เก๋ๆ มากมาย ซึ่งที่กล่าวมานี่ไม่ได้โม้แต่อย่างใด เพราะเราได้ไปเก็บรีวิว ที่เที่ยวนครพนม ไม่ควรพลาด มาฝากกัน ไปดูกันเลย

พระธาตุพนม อย่างแรกก็ต้องแวะนมัสการพระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นพระธาตุประจำของคนเกิดปีวอก และคนที่เกิดวันอาทิตย์ มีความเชื่อกันว่า ถ้าใครมานมัสการพระธาตุครบ 7 ครั้ง จะถือว่าเป็น “ลูกพระธาตุ” ได้รับอานิสงค์บุญบารมี มีคนเคารพนับถือ ชีวิตดีมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืดนครพนม เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดย่อม ที่รวมรวมสัตว์น้ำ และปลาน้ำจืดหลายชนิด ทั้งที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ไว้มากมาย จุดเด่นคือมีอุโมงค์แก้วให้เราไเดินลอด พร้อมกับชมฝูงปลาเล็กใหญ่ที่แหวกว่ายไปมาได้อย่างใกล้ชิด

กูบาเฮาส์ สร้างโดยคหบดีผู้รับเหมาก่อสร้างชาวเวียดนามชื่อ โองกูบา หรือนายสุนทร วิจิตรเจริญ ปัจจุบันที่นี่ได้ปรับปรุงให้เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของนครพนม รวมถึงมีร้านขายสินค้าที่ระลึก และพื้นที่นั่งจิบชา ทานอาหารเช้า อยู่ชั้นล่างของบ้านด้วย

หอสมุดแห่งชาตินครพนม ดิมเป็นอาคารศาลากลางจังหวัดนครพนม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ประมาณปี พ.ศ. 2458 ซึ่งตรงกับช่วงที่ พระวิจิตรคุณสาร (ต่อมาเป็นพระยาพนมนครานุรักษ์) รับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรกของนครพนม ลักษณะเป็นอาคาร 3 ชั้น มีรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมระหว่างไทยและยุโรป สร้างด้วยอิฐฉาบปูน พื้นและบันไดเป็นไม้ ภายนอกทาสีเหลือง สไตล์โคโลเนียล ดูแล้วคลาสสิค สวยงาม และยังสมบูรณ์แบบมากๆ แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 100 ปี

หอเฉลิมพระเกียรติราชวงศ์จักรี สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีของชาวนครพนมที่มีต่อราชวงศ์จักรี โดยจุดที่สร้างอดีตเคยเป็นที่ประทับแรมของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายในมีการจัดแสดงความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนครพนม พระธาตุประจำวันเกิด นิทรรศการวิถีชีวิต ทั้ง 7 ชนเผ่า และ 2 เชื้อชาติ ในจังหวัดนครพนม รวมไปถึงโซนจัดแสดง “ปิติสุข ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนนครพนม” ที่รวบรวมภาพถ่ายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 พร้อมคำอธิบายสั้นๆ

พระธาตุท่าอุเทน ประดิษฐานอยู่ ณ วัดท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน ลักษณะเจดีย์จำลองมาจากพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็ก และ สูงกว่าพระธาตุพนม ภายในบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งพระอาจารย์ศรีทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง

ร้านกาแฟ 76A ร้านนี้เป็นอาคารเก่าในสไตล์เฟรนช์โคโลเนียล ที่ดัดแปลงมาเป็นคาเฟ่ได้อย่างลงตัว รสชาติไม่แตกต่างจากสาขาแรก อร่อยไม่แพ้กัน เครื่องดื่มและเบเกอรี่มีให้เลือกทานหลากหลาย ร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บรรยกาศดี วิวสวย เหมาะสำหรับมานั่งชิลล์ๆ ในยามบ่าย

Blue Gold Coffee ไร่กาแฟชะมดบูลโกลด์ อำเภอโพนสวรรค์ ไร่กาแฟที่ทำรายได้หลายร้อยล้านบาทต่อปีโดยคุณ ‘เฟรม-เกียรติศักดิ์ คำวงษา’ เริ่มต้นทำธุรกิจนี้ขึ้นมาด้วยวัยเพียง 24 ปี เมื่อตอนเรียนอยู่ปีสุดท้ายของคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ และการบริหารกิจการ (BUSEM) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กาแฟขี้ชะมด เป็นเมนูเด็ดของร้าน Blue Gold Coffee เทคนิคที่ทำให้กาแฟอร่อยคือ การเลี้ยงชะมดข้างลายไว้ควบคู่ไปกับการปลูกกาแฟโรบัสต้า ซึ่งตามธรรมชาติผลกาแฟจะสุกช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมของทุกปี และชะมดก็ชอบกินผลกาแฟสุก คุณเฟรมจะปล่อยให้ชะมดกินอยู่อย่างอิสระ เพราะเชื่อว่า เมื่อชะมดมีความสุข รสชาติกาแฟก็จะดีตามไปด้วย

ชมการแสดงจากชาวไทโส้ ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชนเผ่าไทโส้ ได้รับชมการแสดงพื้นบ้าน รวมถึงประเพณีโซ่ทั่งบั้งของชาวไทโส้ ณ บ้านโพนจาน ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ โซ่ทั่งบั้ง ก็คือ การใช้กระบอกไม้ไผ่ยาวประมาณ 3 ปล้อง  ระทุ้งดินให้เป็นจังหวะ โดยมีชาวบ้านร่ายรำและร้องรำไปตามจังหวะกระทุ้ง

จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3  บริเวณนี้เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ และเป็นจุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เราแวะมาตรงนี้ครู่หนึ่ง ก่อนเดินทางไปล่องเรือกันต่อ

ล่องเรือสำราญชมวิวสองฝั่งโขง ไทย-ลาว ล่องเรือชมความงดงามของสองฝั่งแม่น้ำโขง โดยเรือจะแล่นออกจากฝั่งหน้าตลาดอินโดจีน ผ่านพญานาคศรีสัตตนาคราช (พญานาค 7 เศียร) หอนาฬิกา จวนผู้ว่าหลังเก่า ไปจนถึงรองอาสนวิหารนักบุญอันนา แล้วแล่นข้ามโขงไปเลียบริมฝั่งของเมืองท่าแขก จากนั้นก็วกกลับมาที่ฝั่งไทย ใช้เวลาไป-กลับ ประมาณ 1 ชั่วโมง

พระธาตุเรณูนคร พระธาตุของคนเกิดวันจันทร์ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุเรณู มีสีชมพูสวยหวานโดดเด่นสะดุดตา โดยจำลองมาจากองค์พระธาตุพนมองค์เดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ตลอดจนของมีค่าที่ชาวเมืองบริจาค และเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมือง เชื่อกันว่าคนเกิดวันจันทร์เป็นคนมีเสน่ห์ ถ้าได้กราบไหว้จะทำให้มีรูปพรรณผ่องใสเหมือนแสงจันทร์ ส่วนด้านในโบสถ์ประดิษฐานพระองค์แสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำศิลปะแบบลาว ปางสมาธิ พระคู่บ้านของอำเภอเรณูนคร

บ้านลุงโฮ นั่งรถมาไม่ไกลก็เจอกับ บ้านลุงโฮ หลังจริง เป็นบ้านไม้ที่ท่านโฮจิมินเคยอาศัยอยู่ รอบๆ บ้านปลูกต้นไม้หลายชนิด มีบรรยากาศร่มรื่น ภายในบริเวณรั้วบ้าน แบ่งบ้านออกเป็นสองหลัง หลังแรกด้านหน้าเคยเป็นบ้านของสหายคนสนิทลุงโฮ แล้วก็กลายมาเป็นที่พักของลุงโฮจุดแรกในจ.นครพนม  จัดวางข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ให้ใกล้เคียงแบบเดิมมากที่สุด มีห้องนอน โต๊ะทำงาน บ้องยาสูบ และรูปภาพสมัยประวัติศาตร์แขวนอยู่เต็มผนังบ้าน

อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านลุงโฮประมาณ 5 นาที สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ประธานโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ ที่ครั้งหนึ่งเคยลี้ภัยมาอาศัยอยู่ที่บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม เพื่อหาลู่ทางกอบกู้เอกราชให้เวียดนามจากฝรั่งเศส ช่วงสมัยสงคราม ทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย ภายในอนุสรณ์สถานมีรูปปั้นของท่านโฮจิมิน หุ่นขี้ผึ้งจำลองชีวิตความเป็นอยู่ มีบ้านจำลองแบบเดียวกับที่ท่านเคยมาอาศัยพร้อมข้าวของเครื่องใช้ รวมไปถึงอาคารจำหน่ายของที่ระลึกทั้งจากเวียดนาม และสินค้า OTOP ของชาวบ้านนครพนม

อุโมงค์จักรยานนาคราช เปิดประสบการณ์ปั่นสุดชิคริมฝั่งโขง ที่อุโมงค์นาคราช แลนด์มาร์คเส้นทางปั่นจักรยานเลียบริมน้ำโขง ระยะทางรวมกว่า 307 เมตร เหมือนเราได้ปั่นลอดท้องพญานาค และระหว่างปั่นไป ก็จะได้ชื่นชมทัศนียภาพของลุ่มน้ำโขงไปด้วย

พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม อาคารคลาสสิคสีเหลืองหลังนี้ เดิมเป็นจวนผู้ว่าเก่า เรียกง่ายๆ ก็คือบ้านพักของผู้ว่าราชการจังหวัด มี 2 ชั้น รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เพราะได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจากฝรั่งเศส สมัยสงครามอินโดจีน ปัจจุบันดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวมเรื่องราวของนครพนมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านภาพถ่ายต่างๆ มีของใช้โบราณหาดูยากจัดแสดงไว้ด้วย แบ่งออกเป็นทั้งหมด 10 ห้อง มีห้องหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี เคยเสด็จมาประทับแรมที่นี่

พญาศรีสัตตนาคราช นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สง่างามแห่งลุ่มแม่น้ำโขงของจังหวัดนครพนม ได้ชื่อว่าเป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าพญานาคองค์นี้แตกต่างจากที่เคยเห็นที่อื่น เนื่องจากมีสร้อยคล้องอยู่ที่คอ ซึ่งเป็นการออกแบบมาให้เหมือนกับลวดลายที่ซุ้มประตูขององค์พระธาตุพนมนั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่รูปหล่อพญานาคน้ำหนัก 9,000 กิโลกรัมองค์นี้ จะกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความงามของวัฒนธรรมเมืองนครพนมได้เป็นอย่างดี และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีผู้คนหลั่งไหลมาอย่างไม่เคยขาดสาย เชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้จะมีความเป็นสิริมงคล และหากตั้งจิตอธิษฐานถึงอะไร สิ่งนั้นก็จะสำเร็จเห็นผลได้ตามต้องการ

อย่างไรก็แล้วแต่อยากจะชวนชาวไทยและชาวต่างชาติมาทัวร์นครพนมซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากๆ จะท่องเที่ยวและสัมผัสวัดสวยๆ แม่น้ำโขงสวยๆ จะพลาดการมาเที่ยวที่นี่ไม่ได้เลยครับ.



หจก. เอจิเลนต์ ทัวร์ 

เลขที่ 80/24 ม.6 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12150 

โทรศัพท์: 081-4206260 (True), 061-8986646 (Dtac) 

เว็บไซต์: https://www.agilenttours.com/ทัวร์นครพนม-พระธาตุพนม/

Email Address: [email protected]