เที่ยววัดพระแก้ว เป็นวัดที่มีเอกลักษณ์และสำคัญของเมืองไทย



วัดพระแก้ว
ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเมืองไทย ถ้าใครได้เห็นภาพของวัดพระแก้วก็จะรู้ทันทีว่าที่นี่คือกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งความสวยงามของวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง ทำให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างต้องการที่จะมาเห็นที่นี่ด้วยตาตัวเองสักครั้ง 

จุดแรกที่ไม่ควรพลาดเลยเมื่อเข้ามาจากประตูวิเศษไชยศรีคือบริเวณลานสนามหญ้าด้านหน้าศาลาสหทัยสมาคมที่เราจะได้เห็นมุมมองเหมือนหน้าเหรียญบาทเป๊ะๆ ฉากหน้าเป็นสนามหญ้าสีเขียว ฉากหลังเป็นหลังคาพระอุโบสถอยู่ด้านขวา และตรงกลางเป็นพระศรีรัตนเจดีย์ พระมหามณฑป และปราสาทพระเทพบิดรซ้อนกันเป็นชั้นๆ มุมนี้จึงเป็นมุมมหาชนของนักท่องเที่ยวก่อนจะไปเจอกับของจริงด้านใน

เมื่อผ่านประตูเข้าไปแล้ว (ด้วยการเดินตัวปลิวเพราะเราเป็นคนไทยไม่เสียเงิน) ก็จะเจอพระระเบียงที่ถูกแต่งแต้มด้วยจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของ รามเกียรติ์ และยักษ์เฝ้าประตูอยู่ทุกทิศ ลองสังเกตดีๆ ที่ฐานของยักษ์มีชื่อบอกว่ายักษ์ตนนี้ชื่ออะไร และที่สำคัญคือเป็นยักษ์จากเรื่อง รามเกียรติ์ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทศกัณฐ์ สหัสเดชะ พิเภก กุมภกรรณ และอื่นๆ อีกมากมาย

ความสนุกอีกอย่างคือการไล่ตามหาตอนแรกและตอนจบของ รามเกียรติ์ ที่อยู่ตามพระระเบียงว่าอยู่ห้องไหน ซึ่งเราจะได้เห็นตอนต่างๆ ที่ผ่านหูผ่านตามาจากบทเรียนภาษาไทยตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษายันระดับมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นหนุมานอมพลับพลา กุมภกรรณทดน้ำ ศึกกรุงลงกา และอื่นๆ อีกมากมายที่กระตุ้นความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องเรียนภาษาไทยออกมาโดยไม่รู้ตัว

นอกจากจิตรกรรมฝาผนังแล้ว บริเวณโดยรอบของฐานไพทีซึ่งเป็นที่ตั้งของพระศรีรัตนเจดีย์องค์ใหญ่สีทอง พระมหามณฑป และปราสาทเทพบิดร ก็เป็นอีกจุดที่สามารถเดินเล่นได้อย่างเพลิดเพลินและถ่ายรูปสวยๆ กับรูปปั้นของสัตว์หิมพานต์ ไม่ว่าจะเป็นกินรี กินนร อสุรปักษี ครุฑ นาค ยักษ์ รวมถึงนครวัดจำลองที่ใหญ่และงานละเอียดสุดๆ

พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือที่เรียกกันว่า พระแก้วมรกต ที่แกะสลักจากหยกอ่อนเนไฟรต์ เป็นศิลปะยุคก่อนเชียงแสนจนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานระบุว่าพบครั้งแรกที่เชียงราย (วัดพระแก้ว) เกิดเหตุการณ์ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์พบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทองจึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก(จมูก) เกิดกระเทาะออกทำให้เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงได้นำพระพุทธรูปมากระเทาะปูนออกทั้งองค์ พบว่าเป็นเนื้อหยกทั้งองค์

มีเรื่องเล่าถึงการเดินทางของพระแก้วมรกตไว้ว่า พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่เชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงกลับเดินไปทางลำปาง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางเองก็อยู่ในอาณาจักรล้านนา พระแก้วมรกตก็เลยไปประดิษฐานอยู่ที่พระแก้วดอนเต้า จนสมัยพระเจ้าติโลกราชก็ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปเชียงใหม่ และเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้าง(ลาว) เสด็จกลับหลวงพระบาง ก็อัญเชิญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนได้แค่พระพุทธสิหิงค์

เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ พระแก้วมรกตถูกอัญเชิญลงมาด้วย พอเข้าสมัยธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราชก็อัญเชิญพระแก้วมรกตมาที่วัดอรุณฯ และข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน

จะว่าไปแล้วข้อสังเกตคือ วัดที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตจะถูกตั้งชื่อว่า ‘วัดพระแก้ว’ ทั้งสิ้น และเราก็เดินทางไปวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตมาแล้วถึง 3 แห่งด้วยกันในทริปนี้ ตั้งแต่หอพระแก้วที่เวียงจันทน์ วัดอรุณฯ และที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้

พระบรมมหาราชวังแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ พระราชฐานชั้นหน้า จะอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าทั้งหมดจนถึงประตูพิมานไชยศรี (ไม่รวมวัดพระแก้ว) ปัจจุบันเป็นพื้นที่ตั้งของสำนักงานต่างๆ และที่ทำการทหารรักษาพระราชวัง

ต่อไปคือพระราชฐานชั้นกลาง เป็นส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมได้บางส่วน โดยเป็นพื้นที่สำหรับประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีพระที่นั่งหลายองค์ที่เป็นที่รู้จัก เช่น พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ส่วนสุดท้ายคือพระราชฐานชั้นใน โดยเริ่มตั้งแต่ประตูสนามราชกิจ (ประตูย่ำค่ำ) ไปถึงแถวเต๊ง เป็นที่เฉพาะของสตรีล้วนๆ และเด็กชายที่อายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งพื้นที่ชั้นในนี่แหละที่เป็นฉากในนิยายเรื่อง สี่แผ่นดิน

พระที่นั่งองค์หลักที่นักท่องเที่ยวได้ชมและเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยก็คือ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2419  ประกอบด้วย ปราสาท 3 องค์ แต่ละองค์เชื่อมต่อกันด้วยมุขกระสัน ความโดดเด่นของพระที่นั่งองค์นี้คือการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยกับสถาปัตยกรรมยุโรป ตัวอาคารพระที่นั่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรป แต่หลังคาพระที่นั่งเป็นยอดปราสาทรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย เป็นที่มาของชื่อ ‘ฝรั่งสวมชฎา’

อย่างไรก็แล้วแต่อยากจะชวนชาวไทยและชาวต่างชาติมาทัวร์วัดพระแก้วซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากๆ จะท่องเที่ยวและสัมผัสมุมมองที่เป็นวัฒนธรรมของไทย จะพลาดการมาเที่ยวที่นี่ไม่ได้เลยครับ.




หจก. เอจิเลนต์ ทัวร์ 

เลขที่ 80/24 ม.6 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12150 

โทรศัพท์: 081-4206260 (True), 061-8986646 (Dtac) 

เว็บไซต์: https://www.agilenttours.com/ทัวร์วัดพระแก้ว/

Email Address: [email protected]